วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2562

สารลำไย สารราดลำไย

สารลำไย สารราดลำไย



ร้านศรายุทธการเกษตร เป็นตัวแทนนำเข้าสารราดลำไยจากจีนโดยตรง และ เป็นผู้เชียวชาญด้านการทำลำไยนอกฤดูให้ได้ผลผลิตดีมายาวนานหลายปี โดยการใช้สารราดลำไยเพื่อเร่งดอกลำไย ทางร้านของเรามีจำหน่ายทั้ง สารโพแทสเซียมคลอเรต(potassium chlorate) และ โซเดียมคลอเรต(sodium chlorate) สารทั้ง 2 ตัวนี้สามารถใช้ในการช่วยเร่งลำไยให้ออกดอกโดยมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน สารลำไยโพแทสเซียมคลอเรตข้อดีคือเวลาใช้ไม่ทำให้รากลำไยเสียหรือเน่าแต่ข้อเสียคือมีราคาแพงกว่าสารลำไยโซเดียมคลอเรต ส่วนสารลำไยโซเดียมคลอเรตข้อดีคือราคาถูกกว่าสารลำไยโพแทสเซียมคลอเรต ส่วนข้อเสียถ้าใช้เป็นเวลานานปริมาณมากๆจะทำให้รากลำไยเสียหรือเน่าได้ ดังนั้นเกษตรกรจึงนิยมใช้สารโพแทสเซียมมากกว่าสารโซเดียมคลอเรต 


สามารถติดต่อสั่งซื้อสินค้าทางร้านเราได้ตามช่องทางด้านล่างนี้ 



เบอร์ติดต่อ 0910679642 (คุณป๋อง) 

ID LINE > jaijit257

ตัวอย่างสินค้าของเรา



สารราดลำไย
สารลำไย REDSUN



สารราดลำไย
สารลำไย REDSUN

สารราดลำไย
สารลำไย REDSUN


สารราดลำไย
สารลำไย THESUN

สารราดลำไย
สารลำไย THESUN

สารราดลำไย
สารลำไย THESUNNEW

สารราดลำไย
สารลำไย THESUNNEW

สารราดลำไย
สารลำไย THESUN

สารราดลำไย
สารลำไย THESUN

สารราดลำไย
สารลำไย

สารราดลำไย
สารลำไย

วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2562

วิธีดูแลลำไยหลังจากราดสาร

วิธีดูแลลำไยหลังจากราดสาร

ช่วงก่อนการชักนำการออกดอก ด้วยการราดสารลำไย(โพแทสเซียมคลอเรต) ในระดับที่เหมาะสม จะทำให้เกิดกระบวนการปิดกั้นการดูดซึมของราก สารลำไย(โพแทสเซียมคลอเรต) ส่วนหนึ่งจะขึ้นไปถึงปลายยอด กระตุ้นให้เกิดฮอร์โมนที่จะสร้างตาออก ฮอร์โมนส่วนหนึ่งจะกลับไปสู่รากเพื่อกระตุ้นให้เกิดรากฝอยชุดใหม่
หลังจากราดสารทางดินไปแล้ว 5-7 วันให้พ่นสารทางใบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ทุกๆ ยอดได้รับสารลำไย ในการให้ทางใบครั้งแรกหากใบบิดหนีแสงถือว่าใช้ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องให้สารพ่นทางใบครั้งที่ 2
แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ให้ครั้งแรก ใบยังไม่บิด ก็ให้สารพ่นทางใบ ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง หลังการพ่นสารทางใบ เราจะใช้ 0-52-34 ให้ฉีดพ่นทางใบอีก 1-2 ครั้ง (ครั้งที่ 1 ใช้ในวันที่ 5 และหากอยู่ในเงื่อนไขฤดูกาล เราจะพ่นครั้งที่ 2 ในวันที่ 10) นับจากวันพ่นสารทางใบเสร็จสิ้น
คุณลักษณะปุ๋ย 0-52-34 นี้ จะทำให้ยอดลำไยหยุดการพัฒนาเนื้อเยื้อเจริญที่จะเป็นตาใบ และเริ่มสะสมสารอาหารที่ใบ ทำให้ใบอ่อน ใบแก่เขียวเข้ม แก่เสมอกัน
แต่หากให้ 0-52-34 ในปริมาณน้ำหนัก หรือจำนวนครั้งมากกว่านี้ จะทำให้เกิดภาวะอั้นยอดได้..
การใช้ 0-52-34 มีข้อจำกัดว่าถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนอากาศร้อนจัดให้ใช้เพียงครั้งเดียว
ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนตกไม่หนักให้ใช้ได้ 1 ครั้ง ถ้าฝนตกหนักต้องให้ 2 ครั้ง
แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว หนาวไม่มาก ให้ใช้ 1 ครั้ง.. ถ้าหนาวจัด ไม่ต้องให้ (เพราะธรรมชาติจะทำหน้าที่แทน 0-52-34 ซึ่งลำไยจะออกดอกเอง)
อัตราส่วนการให้อยู่ที่ 10% ของการใช้ปกติคือ 500 กรัม/น้ำ 1,000 ลิตร หรือ 100 กรัม/น้ำ 200 ลิตร
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นนี้ ถือว่าผ่านการการสารลำไย ทางดินมาแล้ว 8-13 วัน
เมื่อราดสารลำไยไปแล้ว รากฝอยของลำไยจะถูกทำลาย และบางส่วนถูกรบกวนการดูดซึมธาตุอาหาร ทำให้ไม่สามารถดูซึมแร่ธาตุขึ้นไปได้อย่างสะดวก ปลายยอดลำไยที่ได้รับสารลำไยโพแทสเซียมคลอเรส จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมนที่จะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างตาดอก ฮอร์โมนส่วนหนึ่งจะถูกส่งกลับไปที่ราก เพื่อให้สร้างรากฝอยใหม่
ดังนั้นหลังจากให้ 0-52-34 ไปแล้ว 3 วัน เราจะใช้ปุ๋ยสูตร 10-52-17 ซึ่งเป็นปุ๋ยให้ทางใบ เพื่อช่วยกระตุ้นให้เสมือนว่าต้นลำไย ยังคงมีกระบวนการดูดซึมธาตุอาหารของรากฝอยอยู่ คือใช้ (10) ส่วน (52-17) ยังคงใช้เพื่อบำรุงดอก และป้องกันการแตกใบอ่อน ทำให้เกิดภาวะอั้นดอกชั่วระยะหนึ่ง เช่นเดียวกันกับในข้อที่ 2 คือเสมือนว่าต้นไม้ยังคงมีการดูดซึมธาตุอาหารของรากฝอยอยู่ โดยเฉพาะธาตุโพแทสเซียม(K) ตัวท้ายสุด (17) จะช่วยในช่วงที่งดน้ำ ด้วยการเคลื่อนย้ายธาตุอาหารได้ ส่งผลให้ต้นลำสามารถเคลื่อนอาหารที่มีอยู่ในใบ นำไปสร้างเป็นตาดอกแทน แต่ให้ใช้ครั้งเดียว ถ้าใช้มากยอดออกจะอั้น ไม่ยอมออกดอก หรือถ้าออกมา ก็จะทำให้ยอดสั้น บางยอดอาจจะแดง และแห้งตายไปเลย
เมื่อถึงช่วงนี้.. จะผ่านการราดสารลำไย นับจากการเริ่มราดสารลำไย ทางดินมาแล้ว 11-16 วัน แล้ว
จากนั้นอีกประมาณ 10-15 วัน ยอดดอกจะออกมา กรณีราดสารลำไย เมื่อใบแก่จัด ยอดแรกจะได้ใบอ่อนก่อน จากนั้นยอดที่ 2 จะเป็นยอดดอก
ถึงวันนี้จะรวมเวลา 35-40 วัน
แต่ถ้าราดสารในช่วงใบเพสลาด ยอดแรกที่ได้ จะเป็นยอดดอก
ถึงวันนี้ จะรวมเวลา 25-30 วัน
เมื่อช่อดอกลำไยแทงออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว (ราว 10 วัน) ถ้าเป็นการทำลำไยในฤดู ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว เราจะใช้ 25-7-7 เพื่อให้เกิดกระบวนการยืดตัวของช่อดอกออกไป แม้ว่าจะไม่ค่อยมีน้ำ แต่โพแทสเซียมในปุ๋ยดังกล่าวจะช่วยนำพาธาตุอาหารด้วยวิธีการถ่ายเทประจุบวก (โพแทสเซียมไอออน) นำพาธาตุอาหารให้เคลื่อนที่ไปได้ แม้ว่าน้ำจะมีน้อย
แต่ถ้าฝนตกก็ไม่ต้องให้ 25-7-7 เดี๋ยวจะได้ใบกางร่ม แทรกดอก
แต่ถ้าเป็นการทำลำไยนอกฤดู หากเกษตรกรทำลำไยในช่วงฤดูฝน (กล่าวคือ.. ราดสารลำไยประมาณเดือนพฤษภาคม- สิงหาคม) ซึ่งขณะนั้นยังมีฝนชุกอยู่ ก็ให้ใช้ 5-25-30 ผสมกับฮอร์โมนในกลุ่มจิ๊บเบอเลอลิน และฮอร์โมนไซโตไคนิน และแคลเซียม+โบรอน จะช่วยทำให้ลำไยยืดช่อดอกยาวออกไปได้อีก และช่วยให้เกิดโครงสร้างกิ่งก้านด้านข้างของช่อดอกจำนวนมาก ทำให้เกิดตุ่มดอกลำไยเพิ่มขึ้นได้
เมื่อช่อดอกยืดตัวเต็มที่ และเกิดมีตุ่มดอกปริมาณมากพอแล้ว เราก็จะใช้ 13-0-46 (โพแทสเซียมไนเตรด) ซึ่งเป็นปุ๋ยให้ทางใบ ที่มีคุณสมบัติใช้ทดแทนปุ๋ยโพแทสเซียม ใช้กระตุ้นดอกลำไย ให้ใช้ พ่นให้บางๆ และเบามากๆ
แต่ถ้าฝนตก อากาศไม่ร้อน ก็ไม่ต้องใช้ และอย่าใช้ เข้มข้น หรือใช้บ่อยมาก จะทำให้ยอดดอกจะชงัก หยุดการเจริญเติบโต หรือถ้าแรงไปจะทำให้ใบ และดอกลำไยร่วงได้ ถ้าไม่คุ้นเคยกับการใช้..ไม่แนะนำให้ใช้
ช่วงนี้...ก่อนที่ดอกลำไยจะเริ่มบาน เราจะใช้ยากำจัดแมลงในกลุ่มดูดซึม คือ "อิมิดาคลอพิต" 
(แบบซอง 1 ซอง/น้ำ 200 ลิตร หรือ 5 ซองต่อน้ำ/1000 ลิตร) ผสมน้ำฉีดเป็นละอองที่ช่อดอก เพื่อป้องกันหน่อนเจาะขั่วดอกมาดูดน้ำเลี้ยงดอกลำไย ทำให้ดอกลำไยหลุดร่วงได้ และควรพ่นก่อนดอกบานเท่านั้น ถ้าดอกบานแล้ว พ่นไม่ได้ พวกแมลงผึ้ง หรือชันโรงจะตาย หรือบินหนีไป ทำให้ดอกลำไยไม่ได้รับการผสมเกสร
ธาตุอาหาร แคลเซียม และโบรอน เป็นธาตุอาหารที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เมื่อลำไยขาดธาตุทั้งสองนี้ จึงไม่สามารถถ่ายเทธาตุอาหารที่สะสมในใบแก่ของลำไยมาสู่ยอดใบอ่อนได้
ดังนั้นทุกๆ ครั้ง.. ในการพ่นปุ๋ยทางใบ จึงควรให้ธาตุเหล่านี้เสมอ ธาตุแคลเซี่ยมจะช่วยให้โครงสร้างของต้นไม้แข็งแรง โบรอนจะช่วยทำให้โครงสร้างมีการยืดหยุ่น และช่วยในการจัดเรียงโมเลกุลของเซลล์เนื้อเยื้อ
เมื่อดอกลำไยบาน เราจะหยุดการพ่นสารทางใบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี หรือฮอร์โมนทางใบ ทุกประเภท เพื่อให้แมลงผสมเกสรได้ทำหน้าที่ของมันตามธรรมชาติ
หลังจากดอกบานเต็มที่แล้ว ให้ใช้ "จุลินชีพชีวภาพ" ผสมน้ำ อัตราส่วนประมาณ 10 ลิตร/น้ำเปล่า 1,000 ลิตร (ห้ามผสมร่วมกับยากำจัดแมลง หรือยากำจัดเชื้อราโดยเด็ดขาด เพราะจุลินทรีย์ใน "จุลินชีพชีวภาพ" จะตายหมด) ให้ฉีดพ่นเฉพาะบริเวณใต้ทรงพุ่มเท่านั้น ห้ามฉีดขึ้นทรงพุ่มลำไยโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่เราเคยราด หรือพ่นสารฯ รอบทรงพุ่ม ให้ฉีดเยอะๆ หน่อย เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณของจุลินทรีย์ที่สูญสลายไปจากการใช้สารราดลำไย (ในภาษาของการตลาด เขาเรียกว่า "การล้างสารพิษ"
จุลินทรีย์ใน "จุลินชีพชีวภาพ" จะช่วยกำจัดสารราดลำไย ที่มีอยู่ตกค้างภายในดินให้สูญสลายไป ซึ่งจะช่วยให้รากลำไยสามารถดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น และต้นลำใย จะไม่แทงตาดอกออกมาแทรกอีก ทุกกระบวนการการให้ปุ๋ยทางใบ ไม่แนะนำให้ใช้ยาจับใบ เนื่องจากยาจะมีคุณสมบัติเป็นเมือกลื่นๆ เหนียวๆ ซึ่งจะปิดปากใบ ทำให้ประสิทธิภาพในการดูดซืมของใบลดลง
หมายเหตุ
การพ่นธาตุอาหารทางใบทุกประเภท ต้องพ่นใต้ใบ เพราะปากใบอยู่ใต้ใบ ไม่ได้อยู่ด้านหน้าใบ ปุ๋ยทางดิน นำมาผสมกับน้ำพ่นทางใบ ทำได้ แต่ไม่ควรทำ  ให้ปุ๋ยทางดิน อย่าลืมรดน้ำตามเสมอ

วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2562

การเตรียมต้นลำไย

เตรียมต้นลำไย 1 เดือนก่อนราดสาร
1. 1 เดือนก่อนราดสาร เราจะใช้ 8-24-24 ทางดิน เพื่อสะสมอาหารในใบให้เต็มที่ และใช้ 0-52-34 ใช้ช่วงเดียวกันฉีดพ่นทางใบ โดยจะต้องให้เหลือวันที่ปุ๋ย 0-52-34 หมดฤทธิ์ก่อน ประมาณ 15 วันก่อนราดสารลำย เพื่อช่วยให้ใบอ่อนที่มีอยู่แก่เร็วขึ้น และแก่พร้อมๆ กันทั้งสวน และช่วยป้องกันยอดใบใหม่ไม่ให้แทงออกมาในช่วงเวลาดังกล่าว บางคนอาจใส่แม๊กนิเซียมลงไป เพื่อช่วยให้ใบเขียวขึ้นก็ทำได้ แต่ธาตุพวกนี้มีประจุบวก อาจทำให้ปุ๋ยเกิดการจับตัว และตกตะกอนได้
2. ช่วงก่อนการชักนำการออกดอก ด้วยการราดสารลำไย(โพแทสเซียมคลอเรต) ในระดับที่เหมาะสม จะทำให้เกิดกระบวนการปิดกั้นการดูดซึมของราก สารลำไย(โพแทสเซียมคลอเรต) ส่วนหนึ่งจะขึ้นไปถึงปลายยอด กระตุ้นให้เกิดฮอร์โมนที่จะสร้างตาออก ฮอร์โมนส่วนหนึ่งจะกลับไปสู่รากเพื่อกระตุ้นให้เกิดรากฝอยชุดใหม่
หลังจากราดสารทางดินไปแล้ว 5-7 วันให้พ่นสารทางใบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้ทุกๆ ยอดได้รับสารลำไย ในการให้ทางใบครั้งแรกหากใบบิดหนีแสงถือว่าใช้ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องให้สารพ่นทางใบครั้งที่ 2
แต่ถ้าวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ให้ครั้งแรก ใบยังไม่บิด ก็ให้สารพ่นทางใบ ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง หลังการพ่นสารทางใบ เราจะใช้ 0-52-34 ให้ฉีดพ่นทางใบอีก 1-2 ครั้ง (ครั้งที่ 1 ใช้ในวันที่ 5 และหากอยู่ในเงื่อนไขฤดูกาล เราจะพ่นครั้งที่ 2 ในวันที่ 10) นับจากวันพ่นสารทางใบเสร็จสิ้น
คุณลักษณะปุ๋ย 0-52-34 นี้ จะทำให้ยอดลำไยหยุดการพัฒนาเนื้อเยื้อเจริญที่จะเป็นตาใบ และเริ่มสะสมสารอาหารที่ใบ ทำให้ใบอ่อน ใบแก่เขียวเข้ม แก่เสมอกัน
แต่หากให้ 0-52-34 ในปริมาณน้ำหนัก หรือจำนวนครั้งมากกว่านี้ จะทำให้เกิดภาวะอั้นยอดได้..
การใช้ 0-52-34 มีข้อจำกัดว่าถ้าเป็นช่วงฤดูร้อนอากาศร้อนจัดให้ใช้เพียงครั้งเดียว
ถ้าเป็นช่วงฤดูฝนตกไม่หนักให้ใช้ได้ 1 ครั้ง ถ้าฝนตกหนักต้องให้ 2 ครั้ง
แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาว หนาวไม่มาก ให้ใช้ 1 ครั้ง.. ถ้าหนาวจัด ไม่ต้องให้ (เพราะธรรมชาติจะทำหน้าที่แทน 0-52-34 ซึ่งลำไยจะออกดอกเอง)
อัตราส่วนการให้อยู่ที่ 10% ของการใช้ปกติคือ 500 กรัม/น้ำ 1,000 ลิตร หรือ 100 กรัม/น้ำ 200 ลิตร
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นนี้ ถือว่าผ่านการการสารลำไย ทางดินมาแล้ว 8-13 วัน
3. เมื่อราดสารลำไยไปแล้ว รากฝอยของลำไยจะถูกทำลาย และบางส่วนถูกรบกวนการดูดซึมธาตุอาหาร ทำให้ไม่สามารถดูซึมแร่ธาตุขึ้นไปได้อย่างสะดวก ปลายยอดลำไยที่ได้รับสารลำไยโพแทสเซียมคลอเรส จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างฮอร์โมนที่จะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างตาดอก ฮอร์โมนส่วนหนึ่งจะถูกส่งกลับไปที่ราก เพื่อให้สร้างรากฝอยใหม่
ดังนั้นหลังจากให้ 0-52-34 ไปแล้ว 3 วัน เราจะใช้ปุ๋ยสูตร 10-52-17 ซึ่งเป็นปุ๋ยให้ทางใบ เพื่อช่วยกระตุ้นให้เสมือนว่าต้นลำไย ยังคงมีกระบวนการดูดซึมธาตุอาหารของรากฝอยอยู่ คือใช้ (10) ส่วน (52-17) ยังคงใช้เพื่อบำรุงดอก และป้องกันการแตกใบอ่อน ทำให้เกิดภาวะอั้นดอกชั่วระยะหนึ่ง เช่นเดียวกันกับในข้อที่ 2 คือเสมือนว่าต้นไม้ยังคงมีการดูดซึมธาตุอาหารของรากฝอยอยู่ โดยเฉพาะธาตุโพแทสเซียม(K) ตัวท้ายสุด (17) จะช่วยในช่วงที่งดน้ำ ด้วยการเคลื่อนย้ายธาตุอาหารได้ ส่งผลให้ต้นลำสามารถเคลื่อนอาหารที่มีอยู่ในใบ นำไปสร้างเป็นตาดอกแทน แต่ให้ใช้ครั้งเดียว ถ้าใช้มากยอดออกจะอั้น ไม่ยอมออกดอก หรือถ้าออกมา ก็จะทำให้ยอดสั้น บางยอดอาจจะแดง และแห้งตายไปเลย
เมื่อถึงช่วงนี้.. จะผ่านการราดสารลำไย นับจากการเริ่มราดสารลำไย ทางดินมาแล้ว 11-16 วัน แล้ว
จากนั้นอีกประมาณ 10-15 วัน ยอดดอกจะออกมา กรณีราดสารลำไย เมื่อใบแก่จัด ยอดแรกจะได้ใบอ่อนก่อน จากนั้นยอดที่ 2 จะเป็นยอดดอก
ถึงวันนี้จะรวมเวลา 35-40 วัน
แต่ถ้าราดสารในช่วงใบเพสลาด ยอดแรกที่ได้ จะเป็นยอดดอก
ถึงวันนี้ จะรวมเวลา 25-30 วัน
4. เมื่อช่อดอกลำไยแทงออกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว (ราว 10 วัน) ถ้าเป็นการทำลำไยในฤดู ซึ่งเป็นช่วงฤดูหนาว เราจะใช้ 25-7-7 เพื่อให้เกิดกระบวนการยืดตัวของช่อดอกออกไป แม้ว่าจะไม่ค่อยมีน้ำ แต่โพแทสเซียมในปุ๋ยดังกล่าวจะช่วยนำพาธาตุอาหารด้วยวิธีการถ่ายเทประจุบวก (โพแทสเซียมไอออน) นำพาธาตุอาหารให้เคลื่อนที่ไปได้ แม้ว่าน้ำจะมีน้อย
แต่ถ้าฝนตกก็ไม่ต้องให้ 25-7-7 เดี๋ยวจะได้ใบกางร่ม แทรกดอก
แต่ถ้าเป็นการทำลำไยนอกฤดู หากเกษตรกรทำลำไยในช่วงฤดูฝน (กล่าวคือ.. ราดสารลำไยประมาณเดือนพฤษภาคม- สิงหาคม) ซึ่งขณะนั้นยังมีฝนชุกอยู่ ก็ให้ใช้ 5-25-30 ผสมกับฮอร์โมนในกลุ่มจิ๊บเบอเลอลิน และฮอร์โมนไซโตไคนิน และแคลเซียม+โบรอน จะช่วยทำให้ลำไยยืดช่อดอกยาวออกไปได้อีก และช่วยให้เกิดโครงสร้างกิ่งก้านด้านข้างของช่อดอกจำนวนมาก ทำให้เกิดตุ่มดอกลำไยเพิ่มขึ้นได้
5. เมื่อช่อดอกยืดตัวเต็มที่ และเกิดมีตุ่มดอกปริมาณมากพอแล้ว เราก็จะใช้ 13-0-46 (โพแทสเซียมไนเตรด) ซึ่งเป็นปุ๋ยให้ทางใบ ที่มีคุณสมบัติใช้ทดแทนปุ๋ยโพแทสเซียม ใช้กระตุ้นดอกลำไย ให้ใช้ พ่นให้บางๆ และเบามากๆ
แต่ถ้าฝนตก อากาศไม่ร้อน ก็ไม่ต้องใช้ และอย่าใช้ เข้มข้น หรือใช้บ่อยมาก จะทำให้ยอดดอกจะชงัก หยุดการเจริญเติบโต หรือถ้าแรงไปจะทำให้ใบ และดอกลำไยร่วงได้ ถ้าไม่คุ้นเคยกับการใช้..ไม่แนะนำให้ใช้
ช่วงนี้...ก่อนที่ดอกลำไยจะเริ่มบาน เราจะใช้ยากำจัดแมลงในกลุ่มดูดซึม คือ "อิมิดาคลอพิต" 
(แบบซอง 1 ซอง/น้ำ 200 ลิตร หรือ 5 ซองต่อน้ำ/1000 ลิตร) ผสมน้ำฉีดเป็นละอองที่ช่อดอก เพื่อป้องกันหน่อนเจาะขั่วดอกมาดูดน้ำเลี้ยงดอกลำไย ทำให้ดอกลำไยหลุดร่วงได้ และควรพ่นก่อนดอกบานเท่านั้น ถ้าดอกบานแล้ว พ่นไม่ได้ พวกแมลงผึ้ง หรือชันโรงจะตาย หรือบินหนีไป ทำให้ดอกลำไยไม่ได้รับการผสมเกสร
ธาตุอาหาร แคลเซียม และโบรอน เป็นธาตุอาหารที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เมื่อลำไยขาดธาตุทั้งสองนี้ จึงไม่สามารถถ่ายเทธาตุอาหารที่สะสมในใบแก่ของลำไยมาสู่ยอดใบอ่อนได้
ดังนั้นทุกๆ ครั้ง.. ในการพ่นปุ๋ยทางใบ จึงควรให้ธาตุเหล่านี้เสมอ ธาตุแคลเซี่ยมจะช่วยให้โครงสร้างของต้นไม้แข็งแรง โบรอนจะช่วยทำให้โครงสร้างมีการยืดหยุ่น และช่วยในการจัดเรียงโมเลกุลของเซลล์เนื้อเยื้อ
6. เมื่อดอกลำไยบาน เราจะหยุดการพ่นสารทางใบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี หรือฮอร์โมนทางใบ ทุกประเภท เพื่อให้แมลงผสมเกสรได้ทำหน้าที่ของมันตามธรรมชาติ
7. หลังจากดอกบานเต็มที่แล้ว ให้ใช้ "จุลินชีพชีวภาพ" ผสมน้ำ อัตราส่วนประมาณ 10 ลิตร/น้ำเปล่า 1,000 ลิตร (ห้ามผสมร่วมกับยากำจัดแมลง หรือยากำจัดเชื้อราโดยเด็ดขาด เพราะจุลินทรีย์ใน "จุลินชีพชีวภาพ" จะตายหมด) ให้ฉีดพ่นเฉพาะบริเวณใต้ทรงพุ่มเท่านั้น ห้ามฉีดขึ้นทรงพุ่มลำไยโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่เราเคยราด หรือพ่นสารฯ รอบทรงพุ่ม ให้ฉีดเยอะๆ หน่อย เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณของจุลินทรีย์ที่สูญสลายไปจากการใช้สารราดลำไย (ในภาษาของการตลาด เขาเรียกว่า "การล้างสารพิษ"
จุลินทรีย์ใน "จุลินชีพชีวภาพ" จะช่วยกำจัดสารราดลำไย ที่มีอยู่ตกค้างภายในดินให้สูญสลายไป ซึ่งจะช่วยให้รากลำไยสามารถดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น และต้นลำใย จะไม่แทงตาดอกออกมาแทรกอีก ทุกกระบวนการการให้ปุ๋ยทางใบ ไม่แนะนำให้ใช้ยาจับใบ เนื่องจากยาจะมีคุณสมบัติเป็นเมือกลื่นๆ เหนียวๆ ซึ่งจะปิดปากใบ ทำให้ประสิทธิภาพในการดูดซืมของใบลดลง
หมายเหตุ

การพ่นธาตุอาหารทางใบทุกประเภท ต้องพ่นใต้ใบ เพราะปากใบอยู่ใต้ใบ ไม่ได้อยู่ด้านหน้าใบ ปุ๋ยทางดิน นำมาผสมกับน้ำพ่นทางใบ ทำได้ แต่ไม่ควรทำ  ให้ปุ๋ยทางดิน อย่าลืมรดน้ำตามเสมอ

การทำลำไยนอกฤดู

การทำลำไยนอกฤดู

ก่อนอื่นที่ทุกท่านจะทำลำไยนอกฤดูทุกท่านจะต้องรู้ก่อนว่าควรจะทำลำไยนอกฤดูช่วงไหนจะเหมาะกับท่านจะมีอยู่ 4 ช่วงด้วยกัน

1.ให้สารลำไยเดือนมีนาคม จะสามารถเก็บผลผลิตเดือนกันยายน จะตรงกับงานชาติจีน
2.ให้สารเดือนเมษายน จะสามารถเก็บผลผลิตเดือนธันวาคม จะตรงกับเทศกาลปีใหม่สากล
3.ให้สารเดือนมิถุนายน จะสามารถเก็บผลผลิตเดือนมกราคม ซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะจะก่อนเทศกาลตรุษจีน
4.ให้สารเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมจะสามารถเก็บผลผลิตเดือนเดือนมีนาคม เป็นวันเชงเม้ง

สำหรับท่านที่จะทำลำไยนอกฤดู 
1.การเตรียมต้น

การตัดแต่งกิ่งควรตัดแต่งกิ่งให้ได้เร็วที่สุดหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตเพื่อที่จะชักนำให้การแตกกิ่งใหม่สมบรูณ์ โดยการตัดกิ่งหลักที่อยู่กลางทรงพุ่มออก 2-3 จากนั้นตัดกิ่งกระโดง กิ่งที่ได้รับแสง กิ่งที่ไม่สมบรูณ์ และกิ่งที่ถูกโรคแมลงทำลาย ตัดแต่งกิ่งให้เหลืออยู่ร้อยละ 60% ของทรงพุ่ม

ต่อไปจะเป็นการใส่ปุ๋ย
เราควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตรา 10-20 กิโลกรัมต่อต้น ควบคู่กับปุ๋ยเคมี สูตร 46-0-0 หรือ 15-15-15 และ 0-0-60

การป้องกันแมลง การป้องกันแมลง สำหรับแลงสำคัญที่ระบาดในช่วงใบอ่อนจะมี หนอนคืบกินใบ แมลงค่อมทองเป็นต้น ถ้าหากพบมากควรพ่นด้วยสารเคมี หรือ ยาฆ่าแมลง สามารถปรึกษาตามร้านเกษตรทั่วไป

การชักนำดอก
ใช้สารลำไย(โพแทสเซียมคลอเรต) ความบริสุทธิ์ต้อง 99% ขึ้นไปถึงจะให้ลำไยออกดอกได้ดี สามารถสั่งซื้อที่ร้านเราได้คลิก< 

วิธีการให้สาร นิยมทำ 2 แบบ คือผสมน้ำราดและแบบหว่าน การผสมน้ำราดจะต้องให้สารคลอเรตละลายในน้ำให้หมดก่อนแล้วจึง ราด การให้แบบหว่าน ควรทำให้เป็นผง และควรให้รอบๆทรงพุ่ม เป็น บริเวณกว้างประมาณ 50-100 เซนติเมตร  รดน้ำตามเพื่อให้สารโพแทสเซียมคลอเรตละลายให้มาก ที่สุด รักษาความชื้นโดยให้น้ำทุก 3-5 วัน เพื่อให้รากดูดสารเข้าสู่ต้นให้ ได้มากที่สุด 

ข้อควรระวัง สำคัญ
ช่วงเวลาที่ควรหลีกเลี่ยงการให้สาร ได้แก่ ฝนตกชุก หรือ ต้นลำไยแตกใบอ่อน ควรมีการให้น้ำหรือมีแหล่งน้ำเพียงพอ ตั้งแต่ออกดอก จนกระทั่งเก็บเกี่ยวผลผลิต เนื่องจากบางช่วงของการผลิตนอกฤดูอาจ ตรงกับช่วงแล้งที่ไม่มีฝนตก


วิธีใช้สารลำไยนอกฤดู-ในฤดู

วิธีใช้สารลำไยนอกฤดู-ในฤดู

ก่อนที่ทุกท่านจะใช้สารลำไย(สารโพแทสเซียมคลอเรต) ท่านต้องเตรียมต้นลำไยให้พร้อมก่อน วิธีเตรียมต้นลำไยคลิก ถ้าท่านไม่ได้เตรียมต้นลำไยมาก่อนเลยอยู่ๆท่านสั่งซื้อสารแล้วนำไปใส่ต้นลำไยเลย จะทำให้ลำไยออกได้ไม่เต็มที่ หรือ ไม่ออกเลยเพราะลำไยไม่ได้ ได้รับการบำรุง สะสมสารอาหารมาเลย หากบำรุงมาเต็มที่แล้วใช้สารลำไยของทางร้านเรารับรองออกดี 100%  สั่งซื้อสารลำไยคลิก<

ถ้าลำไยของท่านเตรียมต้นมาแล้ว เมื่ออายุของใบลำไยได้ 45 วัน ใบของลำไยจะอยู่ในระยะเพสลาด วิธีใช้สารจะมีอยู่ 2 วิธีคือ 1.ใช้สารลำไย 50 กิโลกรัมต่อน้ำ 1000 ลิตร จะเป็นวิธีที่นิยมกันมากเพราะไม่ต้องคำนวณปริมาณต่อต้น แต่ต้องเป็นคนที่ชำนาญแล้วถึงจะใช้วิธีนี้ได้เพราะต้องใช้การคาดคะแนในการพ่นสารลำไยรอบโคนต้น ด้วยเครื่องพ่นยาวิธีนี้ไม่แนะนำสำหรับมือใหม่

ส่วนวิธีที่ 2.จะเป็นวิธีการคำนวณปริมาณในการใช้สารลำไยต่อต้น ให้คำนวณจากเส้นผ่าศูนย์กลางต้นใบนอกสุดถึงใบนอกสุดได้กี่เมตร ให้นำไปคูณด้วย 0.35 กิโลกรัมจะได้ปริมาณที่ใช้ต่อต้น สมมุติวัดได้ 4 เมตรลำไยต้นนั้นต้องใช้สาร 1.2 กิโลกรัม เป็นต้น


วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2562

การทำลำไยในฤดู

เดือนสิงหาคม
ตัดแต่งกิ่ง นำเอาใบที่เราตัดแต่งกิ่งไปปกคลุมในทรงพุ่ม

เดือนกันยายน
แตกใบอ่อนครั้งที่ 1 นำเอาปุ๋ยคอกหว่านบนใบใต้ทรงพุ่ม ตามด้วยปุ๋ยเคมีหรือสูตรปุ๋ย 46-0-0 หรือ 25-7-7 ให้ระวังเรื่องของหนอนและแมลงมากินใบอ่อนถ้าไม่ทราบว่าเป็นแมลงชนิดไหนให้จับหรือถ่ายรูปไปปรึกษาร้านเกษตรแถวบ้านได้เลยครับเรื่องการใช้ยาฆ่าแมลง

เดือนตุลาคม
แตกใบอ่อนครั้งที่ 2 ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 หรือ 25-7-7 ให้ระวังเรื่องของหนอนและแมลงมากินใบอ่อนถ้าไม่ทราบว่าเป็นแมลงชนิดไหนให้จับหรือถ่ายรูปไปปรึกษาร้านเกษตรแถวบ้านได้เลยครับเรื่องการใช้ยาฆ่าแมลง

เดือนพฤศจิกายน
แตกใบอ่อนครั้งที่ 3 การแตกใบอ่อน 3 ครั้งดีกว่าการที่ลำไยแตกใบอ่อน 2 ครั้งอายุของใบจะแก่เต็มที่สีเขียวเข้ม ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 หรือ 25-7-7 ให้ระวังเรื่องของหนอนและแมลงมากินใบอ่อนถ้าไม่ทราบว่าเป็นแมลงชนิดไหนให้จับหรือถ่ายรูปไปปรึกษาร้านเกษตรแถวบ้านได้เลยครับเรื่องการใช้ยาฆ่าแมลง 

เดือนธันวาคม
การทำให้ลำไยออกดอก กระตุ้นการออกดอกโดยการใช้สารราดลำไยของทางร้านเรา โดยให้สารลำไยทางดินนำสารราดลำไยไปผสมน้ำจากปลายทางพุ่มเข้ามา 1 เมตรโดยราดรอบทรงพุ่ม อีกอย่างหนึ่งเวลาการราดสารควรราดสารลำไยตอนเช้าหลังจากให้สารลำไย 7-10 วัน ให้ใช้สารลำไยทางใบฉีดพ่นทางใบ เวลาฉีดพ่นควรฉีดตอนเย็นวันที่ฉีดพ่นควรจะมีแดดจัด ความบริสุทธิ์ของสารต้องได้ 99.9% ทางร้านเราได้นำสารผ่านการทดลองกับทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้แล้วได้ 99.9% สามารถสั่งซื้อสารลำไยได้ที่ ร้านศรายุทธการเกษตรติดต่อเราคลิก<< 

เดือนมกราคม
ลำไยจะเริ่มออกดอก ดูแลให้น้ำสม่ำเสมอแต่ไม่ต้องเยอะ ดูแลโรคเชื้อราและแมลง

เดือนกุมภาพันธ์
ติดผลขนาดผลจะเท่าหัวของไม้ขีดไฟ ให้ปุ๋ยเคมีสูตร 46-0-0 หรือ 25-7-7 แบ่งใส่เดือนละ 2 ครั้งควรให้น้ำตามทุกครั้งและให้น้ำอย่างสม่ำเสมอให้ระวังเรื่องของเชื้อราหนอนและแมลงมากินใบอ่อนถ้าไม่ทราบว่าเป็นแมลงชนิดไหนให้จับหรือถ่ายรูปไปปรึกษาร้านเกษตรแถวบ้านได้เลยครับเรื่องการใช้ยาฆ่าแมลง 

เดือนมีนาคม
สร้างเมล็ดและเปลือก ตัดช่อผล โดยตัดปลายช่อให้เหลือไว้ไม่เกิน 60 ผลต่อช่อ ขนาดผลเท่าเมล็ดของถั่วเขียวให้ปุ๋ยเคมีสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 16-16-16 แบ่งใส่เดือนละ 1 ครั้งแล้วให้น้ำตามทุกครั้งและให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ดูแลโรคแมลงและเชื้อรา

เดือนเมษายน
เมล็ดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล จะเป็นช่วงระยะที่ลำไยสร้างเนื้อ ควรที่จะให้ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 หรือ 8-24-24 ควรที่จะให้น้ำตามและให้น้ำสม่ำเสมอ ดูแลโรคแมลงและเชื้อรา

เดือนพฤษภาคม - มิถุนายน
จะเป็นช่วงที่ลำไยสร้างเนื้อและขยายผลรวดเร็ว ควรที่จะให้ปุ๋ยเคมีสูตร 13-13-21 หรือ 8-24-24 ควรให้น้ำตามและสม่ำเสมอ ดูแลโรคแมลงและเชื้อรา ต่างๆ

เดือนกรกฎาคม
รอเก็บเกี่ยวผลผลิต รับทรัพย์กันเลยครับผม